รับภารกิจ Receive the Mission
รับภารกิจ
การปรับขั้นตอนระเบียบการนำหน่วยของกองทัพบกเพื่อใช้ในการช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับพลเรือน
ผมกำลังทบทวนขั้นตอนระเบียบการนำหน่วยตอนที่ผมทำงานในกองทัพ ผมกำลังดูว่าจะนำขั้นตอนระเบียบการนำหน่วยมาปรับใช้เพื่อเป็นแนวทาง ว่าทีมผู้ช่วยเหลือชุดแรกในชุมชนพลเรือน จะให้การตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้อย่างไร (ทีมผู้ช่วยเหลือชุดแรก ได้แก่ ผู้ที่ได้รับการส่งต่อเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ได้แก่ แพทย์ พยาบาล พนักงานดับเพลิง อาสาสมัครหรือหน่วยกู้ภัย และ/หรือฝ่ายอื่นๆ ในชุมชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)
สำหรับการแนะนำเบื้องต้นว่า
ขั้นตอนระเบียบการนำหน่วยคืออะไร โปรดอ่านที่ผมโพสต์ไว้ก่อนแล้ว ขั้นตอนระเบียบการนำหน่วยเป็นไปตามขั้นตอนง่ายๆ
8 ขั้นตอน สำหรับการวางแผนและการปฏิบัติภารกิจ
1 ภารกิจหรืองาน ในบทความนี้
ผมกล่าวถึง “ รับภารกิจ” ขั้นตอนที่ 1 ว่าคืออะไร และจำเป็นอย่างไรที่คุณจะต้องมีคำถามหลักๆ
ที่นำไปสู่ข้อมูลสำคัญเพื่อจะได้เข้าใจว่าอะไรคือภารกิจของคุณ
ในกองทัพบก
ผู้นำทั้งหลายได้รับคำสั่งยุทธการ เพื่อจะทราบว่าอะไรคือภารกิจของเขา แต่ในการบริการกู้ภัยแทนที่จะมีคำสั่งยุทธการ
วิทยุสื่อสารเป็นเครื่องมือที่ช่วยเตือน ให้ทีมผู้ช่วยเหลือชุดแรก
ได้รับรู้อย่างรวดเร็ว ว่าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น การตัดสินใจว่าอะไรคือภารกิจนั้น
ต้องตอบคำถาม “ใคร”, “ที่ไหน”, “อะไร”, “อย่างไร”
และในบางกรณี “เมื่อไร” ให้ได้
ความสามารถที่จะเข้าใจภารกิจของคุณอย่างรวดเร็วในเหตุฉุกเฉิน จะทำให้คุณเตรียมการรับมือเหตุฉุกเฉินนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใคร
ในกองทัพบกมีโครงสร้างการทำงานที่ระบุว่าหน่วยงานหรือแผนกไหนบ้าง ที่อยู่ในโครงสร้างหรือสายปฏิบัติการ จากเหตุฉุกเฉินที่รับรู้ เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์วิทยุหรือคอลเซ็นเตอร์ เพียงแต่พูด ชื่อย่อหรือรหัสที่ใช้อ้างถึงตัวผู้พูดในการสื่อสารทางวิทยุ สำหรับทุกหน่วยที่ได้รับมอบหมายงานตั้งแต่เริ่มส่งข่าวสารอย่างรวดเร็ว เช่น
“หน่วยกู้ภัย พระธาตุผาแดง มังกร นี่คือการเรียกด่วน โปรดตอบด้วย…”
ถ้าหลายๆ หน่วยได้รับการเรียกในเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ให้พิจารณาว่า ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในพื้นที่ภายใต้ความรับผิดชอบของหน่วยของคุณ หน่วยของคุณจะให้การช่วยเหลือเขา พึงตระหนักด้วยว่าแหล่งทรัพยากรอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงสำหรับเหตุฉุกเฉินมีหรือไม่ ในกรณีที่คุณจำเป็นต้องร้องขอรับการเหลือเพิ่มเติม
ที่ไหน
กองทัพบกระบุว่า ตำแหน่งหรือพื้นที่ของการปฏิบัติการใช้ระบบพิกัดกริดหรือการอ่านแผนที่ (ตัวอย่างพิกัดทางทหาร อาจจะเป็น EH324106) หน่วยเรียกฉุกเฉินจะให้ที่อยู่ สี่แยก จุดสังเกต และในรายที่มีความชัดเจนอาจจะบอกพิกัดจีพีเอส เช่น
“… โปรดไปบ้านเลขที่ 820 หมู่ 2 ในหมู่บ้านหัวฝาย…”
หรือ “…โปรดไปที่สะพานที่ถนนสาย แม่สอด –ค้างภิบาล….”
ให้แน่ใจว่าคุณรู้ว่า “ ที่ไหน “ ก่อนที่คุณจะเริ่มเดินทาง ไปยังจุดที่เกิดเหตุ ระบบคอมพิวเตอร์แจ้งเหตุ ทำให้การลงแผนที่และส่งข้อความเป็นไปได้ง่าย รวดเร็ว ซึ่งคุณสามารถส่งต่อได้ภายหลัง อย่ายอมให้เทคโนโลยีหลอกให้คุณรู้สึกว่าปลอดภัย หรือคุณอาจจะเดินทางมุ่งไปในทิศทางที่ผิด หรืออยู่ผิดด้านบนทางหลวงได้
จะเป็นการประหยัดเวลาของคุณหลายนาที ถ้าคุณใช้เวลาสักสองวินาทีให้มั่นใจว่าคุณรู้ตำแหน่งที่ถูกต้อง เว้นแต่ว่าในบางเหตุการณ์ ศูนย์สื่อสารสั่งการไม่มั่นใจสถานที่ที่เกิดเหตุชัดเจน ซึ่งข้อยกเว้นเหล่านี้เป็นการย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องใส่ใจต่อรายละเอียดของตำแหน่งที่ศูนย์สื่อสารสั่งการแจ้งคุณ
อะไร
คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่าอะไรคือภารกิจชองคุณ ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจว่ามีอะไรหรือสิ่งใดเกี่ยวข้องในภารกิจนั้นด้วย สำหรับเหตุฉุกเฉิน ต้องตอบคำถามต่อไปนี้ให้ได้
อะไรหรือใครที่กำลังเกิดเหตุฉุกเฉิน
อะไรคือความผิดปกติ
อะไรหรือใครที่กำลังเกิดเหตุฉุกเฉิน ระบุถึงวัตถุหรือบุคคลที่กำลังมีเหตุฉุกเฉิน เช่น ถ้าบ้านมีไฟไหม้ สิ่งที่เป็นปกติอยู่แล้วคือบ้านเป็นบ้านซีเมนต์ 2 ชั้น หรือกรณีคนไข้ สิ่งปกติอยู่แล้วคือคนไข้ชาย 1 คน อายุ 54 ปี หรือ กรณียานพาหนะที่ชนกัน สิ่งปกติอยู่แล้วคือเป็นรถปิคอัพ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว
อะไรคือที่ผิดปกติ ระบุถึงเหตุฉุกเฉินด้วยสภาพผิดปกตินั้นๆ สำหรับบ้าน ควันและเปลวเพลิงคือสิ่งผิดปกติ สำหรับคนไข้ การเจ็บหน้าอก หายใจถี่ และเหงื่อออก คือสิ่งบ่งบอกว่าผิดปกติอย่างไร สำหรับรถชนกัน สภาพที่รถพลิกคว่ำเป็นสิ่งผิดปกติ
ในทำนองเดียวกัน
กองทัพบกเข้าใจภารกิจของกองทัพว่าคืออะไร โดยการประเมินสถานการณ์ ประเมินอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติการโดยตรง, การกำหนดเจตนารมณ์ของผู้บังคับหน่วยหรือจุดประสงค์ของกองทัพบก, เจตนารมณ์ของผู้บังคับหน่วยเป็นสิ่งที่นำไปสู่ผลลัพธ์
, เป็นการยืนยันการคาดคะเนว่าแม่นยำ
และปฏิบัติภารกิจจนถึงขั้นสุดท้าย สำหรับเหตุฉุกเฉินนั้น
ผลลัพธ์ที่คุณตั้งใจให้เกิดคืออะไร
อย่างไร
คุณจะทำให้ดีที่สุดเพื่อรักษาชีวิตของผู้ประสบภัย ได้อย่างไร คำถามนี้มาจากการที่เราได้รับคำสั่งให้เป็นทีมผู้ช่วยเหลือชุดแรก การควบคุมสถานการณ์ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงเป็นความรับผิดชอบของคุณในฐานะที่ได้รับหน้าที่ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับบ้านที่เกิดเพลิงไหม้ ภารกิจน่าจะต้องเป็นการค้นหา สำรวจบ้าน การช่วยเหลือดูแลผู้ประสบภัยและทางหนีไฟ สำหรับคนไข้ ภารกิจคือประเมินด้านการแพทย์และรักษาพยาบาล สำหรับอุบัติเหตุทางยวดยานพาหนะ ภารกิจคือการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยและประเมินการบาดเจ็บของเขา ภารกิจของคุณจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของบริการในเหตุฉุกเฉินที่หน่วยงานของคุณจัดเตรียมให้บริการ กองทัพบกจะให้รายละเอียดของการที่จะประสบความสำเร็จในภารกิจอย่างไร ในบทที่ว่าด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งยุทธการการฝึกซ้อมรบ แต่พึงตระหนักว่า หน่วยทหารฝึกซ้อมรบทุกๆ วัน ซึ่งการฝึกดังกล่าวเป็นประจำบ่งบอกว่าเขาจะประสบความสำเร็จในภารกิจได้อย่างไร
ทีมผู้ช่วยเหลือชุดแรก จำเป็นต้องฝึกทักษะต่างๆ ของเขาเป็นประจำเช่นกัน พนักงานผจญเพลิงได้ฝึกฝนขั้นตอนต่างๆ ในการค้นหาอาคารและพื้นที่ที่มีไฟเผาผลาญ ซึ่งเขาจะทำเช่นนั้นเมื่อมาถึงบ้าน 2 ชั้นที่มีเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ที่มากับรถพยาบาลรู้ว่าเขาจะประเมินทางการแพทย์กับผู้ป่วยคือชายชราอายุ 54 ปี เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยที่รับทราบเรื่องอุบัติเหตุทางยานพาหนะจะได้รับการเตรียมให้พร้อมสำหรับการช่วยนำผู้ประสบภัยออกจากยานพาพนะ การใช้กระดานรองแผ่นหลัง และการประเมินผู้บาดเจ็บ คุณจะเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดว่าจะรักษาชีวิตและทรัพย์สินของผ็ประสบภัยได้อย่างไร จากการฝึกซ้อมและจากทักษะซึ่งคุณมีและเตรียมพร้อมไว้เสมอ
เมื่อไร
เป็นเรื่องสำคัญยิ่งของกระบวนการนำทางทหาร ในกองทัพ เมื่อมีกระบวนการตัดสินใจ คำว่า “เมื่อไร” นั้น ไม่อาจไม่ลงมือปฏิบัติได้ทันทีทันใด แต่กรณีเหตุฉุกเฉิน คำว่า “เมื่อไร” มักจะหมายถึง เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมๆ กับการที่ทีมผู้ให้ความช่วยเหลือกลุ่มแรกต้องรีบเปิดไฟส่องวูบวาบพร้อมเสียงหวอ รีบมุ่งไปที่เกิดเหตุ เหตุฉุกเฉินไม่จำเป็นต้องตารางเวลา กระนั้นก็ตามเหตุฉุกเฉินที่เกิดในวงกว้างหรือรุนแรงมากๆ จำเป็นต้องมีกำหนดเวลาเพื่อวางแผนเผชิญเหตุฉุกเฉิน การรู้ว่าจะวางแผน กำหนดกิจกรรมและเวลา อย่างไร เป็นสิ่งสำคัญของภาวะผู้นำ
สรุป
ดังนั้น คราวต่อไปคุณรู้เรื่องฉุกเฉิน รู้คำตอบต่อคำถามต่อไปนี้คือ ใคร ที่ไหน อะไร อย่างไร และในบางกรณี ก็มีคำถามว่า เมื่อไร ด้วย และคุณจะรู้ว่าอะไรคือภารกิจ คุณจะเป็นผู้นำ “ ทีมผู้ช่วยเหลือชุดแรก” คนอื่นๆ ได้อย่างไร เว้นเสียแต่ว่าคุณเข้าใจภารกิจคืออะไร
ต่อไป
ผมจะกล่าวถึงขั้นที่ 2 ออกคำสั่งเตือน ว่าคุณจะส่งต่อแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจของคุณกับคนอื่นๆ
ได้อย่างไร
อ้างอิง
US Army Maneuver Center of Excellence. (2016). Infantry Platoon and Squad ATP 3-21.8. Washington, D.C.: Headquarters Department of the US Army.
US Army Maneuver Center of Excellence. (26 April 2017). Ranger Handbook
TC 3-21.76. Washington D.C.: Headquarters Department of the US Army.
Receive the Mission
Adapting the Army’s Troop Leading Procedure for Use in the Civilian Rescue Services
I am reviewing Troop Leading Procedure (TLP) from my time in the Army. I am looking at how TLP can be adapted to lead emergency responders in civilian communities responding to emergency incidents. For an introduction on what TLP is, please read my previous post. Troop Leading Procedure follows a simple 8 step process for planning and executing a mission or task. In this article I discuss the 1st step, Receive the Mission, and how you need key pieces of information to understand what your mission is.
In the military, leaders receive an Operation Order (OPORD) to know what their mission is. In the rescue service instead of an OPORD, a radio dispatch usually alerts emergency responders of an emergency incident. To determine what the mission is, answer the following questions “who”, “where”, “what”, “how”, and in certain cases “when”. Your ability to quickly understand your mission in an emergency enables you to provide an effective response.
Who
In the military there is the Task Organization that describes which units are involved in an operation. With emergencies, dispatch just says the call signs for all the assigned units at the beginning of the dispatch.
“Phrathatpadeng, Dragon Rescue, this is Dispatch, please respond to ….”
If multiple units have been dispatched to an incident, consider whose response area the incident is in as your unit will be supporting them. Also, be aware of what neighboring emergency resources are available, in case you need to request additional help.
Where
The military states the location or area of operation (AO) using grid coordinates (example of a military grid would be EH 324106). An emergency dispatcher will give an address, street intersection, landmark location, or in certain cases GPS grid coordinates. Such as;
“… please respond to 820 Moo 2 in Hua Fai village…” or “… please respond to the bridge on Mae Sot-Kan Pi Ban Road …”
Make sure you know the “where” before you start moving toward the incident. Modern computer dispatching makes it easy with uploaded maps and text dispatching that you can reread later. Do not let the technology give you a false sense of security or you may start moving in the wrong direction or on the wrong side of the highway. It will save you minutes to spend a couple seconds making sure you know the location.
There are exceptions to this and these exceptions usually are when dispatch is unsure of the exact location of the incident. These exceptions just stress the need to pay attention to the locations details that dispatch gives you.
What
You need to understand what your mission is, while also understand what it involves. For emergencies answer these 2 questions:
What or who is having the emergency?
What is not normal?
“What or who is having the emergency” describes the item or person having the emergency. If a house is on fire, normally it is a 2-story cement house. A sick person could normally be a 54 year old male. A vehicle in a collision might normally be a white pickup truck.
“What is not normal” describes the emergency itself. For the house the smoke and flames are how the house is not normal. For the sick person the chest pain, shortness of breath, and sweating are how the person is not normal. For the vehicle collision, on its top on the side of the road is not normal.
Similarly, the military understand what their mission is by assessing the situation, the items directly involved in the operation, and assessing the commander’s intent or military objective. The commander’s intent gives what the commander wants as the outcome of the mission, the envisioned end state. For emergency situations, what would your intended outcome be?
How
How will you save the day? This comes from our mandate as emergency responders, stabilize the situation, protect life, and protect property. For the house fire, the mission could be to look for victims and extinguish the fire. For the sick person, the mission is to do medical assessment and treatment. For the vehicle accident the mission is to remove any trapped victims and assess patients for injuries. Your mission will vary depending on what type of emergency response your organization provides.
The military will give a detailed description of how exactly they will accomplish the mission in the Execution paragraph of the OPORD, but realize that military units practice battle drills as part of their day-to-day training. These drills and skills that soldiers practice regularly are the ‘how’ they accomplish their mission.
Emergency responders need to practice their skills in their regular training as well. The fire crew has practiced the steps to building search and fire attack that they will do upon arriving at the 2-story house fire. An ambulance crew knows that they will do a medical assessment on the 54 year old sick male patient. A rescue crew responding to the vehicle accident will be prepared to do extrication, backboarding, and trauma assessment. You will choose the exact method of how to save the day from drills and skills you have already practiced and prepared for.
When
In military decision making, answering “when” is vital part of troop leading procedure, but with emergencies the “when” is often as soon as possible, a.k.a. ASAP, with emergency responders rushing lights and sirens to a scene. Emergency incidents often do not require scheduling, though large incidents will need a timeline to create an incident action plan or IAP. Knowing how to create schedules and timelines is an important part of leadership.
Summary
So, next time you have an emergency, answer the following questions, “Who”, “Where”, “What”, “How”, and in some cases “When”, and you will know what the mission is. How are you going to lead the other emergency responders at the scene, unless you understand what the mission is?
Next, I will discuss Step 2 Issue a Warning Order - how to share the information about your mission with others.
References:
US Army Maneuver Center of Excellence. (2016). Infantry Platoon and Squad ATP 3-21.8. Washington, D.C.: Headquarters Department of the US Army.
US Army Maneuver Center of Excellence. (26 April 2017). Ranger Handbook TC 3-21.76. Washington D.C.: Headquarters Department of the US Army.
