การประเมินเบื้องต้น Initial Assessment

การประเมินเบื้องต้นของคนผู้ป่วย

สำหรับใช้ในงานปฐมพยาบาลและระบบการแพทย์ฉุกเฉิน

For English click here မြန်မာဘာသာစကားအတွက် ဤနေရာကိုနှိပ်ပါ။

เมื่อช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เราจะประเมินสถานการณ์เพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ป่วย โดยหลีกเลี่ยงการด่วนสรุป ซึ่งอาจนำไปสู่การรักษาที่ผิดพลาดและอาจเป็นอันตรายได้ เราพยายามปฏิบัติตามหลักการของการดูแลผู้ป่วยที่ว่า “อย่าทำให้เกิดอันตรายเพิ่มเติม” การเริ่มต้นทำความเข้าใจสถานการณ์ของผู้ป่วยจะเริ่มจาก การประเมินเบื้องต้น (Primary Assessment) เพื่อค้นหาปัญหาที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตและทำความเข้าใจโดยรวมเกี่ยวกับอาการหรือปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย

บทความนี้เขียนขึ้นสำหรับคนที่เป็นผู้ช่วยเหลือเบื้องต้นหรือผู้ทำการปฐมพยาบาลที่เดินทางมาช่วยผู้ป่วยในที่เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงเรื่องการประเมินสถานการณ์และตรวจสอบความปลอดภัยของพื้นที่ ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุในบทความนี้ เราจะเน้นว่าการทำงานเป็นทีมเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ และไม่ว่าจะเป็นกรณีบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย เราจะเริ่มจาก การประเมินเบื้องต้นในแบบเดียวกัน แล้วค่อยปรับวิธีการประเมินให้เข้ากับสิ่งที่พบในสถานการณ์นั้นๆ

ประเมิน → ค้นหา/วินิจฉัย → รักษาตามผลการตรวจ → ประเมิน

ต้องเข้าใจว่าในฐานะผู้ช่วยเหลือเบื้องต้น เราอาจประเมินผู้ป่วยแล้วพบว่า ความช่วยเหลือที่เราทำได้เพียงแนะนำให้ผู้ป่วยไปพบแพทย์เพื่อรับการดูแลในระดับที่สูงขึ้น

คำถามสำหรับแนะนำการทำการประเมิน

เราจะยกตัวอย่างคำถามปลายเปิด (เน้นด้วยตัวหนา) ที่ช่วยให้คุณเข้าใจสถานการณ์ของผู้ป่วยได้ เช่น “ผู้ป่วยดูเป็นอย่างไรบ้าง?” คำถามนี้ใช้ตอนที่เรากำลังเดินเข้าไปหาผู้ป่วย บางครั้งคำถามนี้อาจถูกย่อให้เข้าใจง่ายว่า “ดูป่วยหรือไม่ป่วย?” โดยใช้ความรู้สึกแรกตอนที่เราเดินเข้าไป เช่น

  • “ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น่าจะไม่ร้ายแรงเท่าไหร่” = ไม่ป่วย
  • “โอ้พระเจ้า! ได้โปรดอย่าเพิ่งตายนะ!” = ป่วย

สิ่งนี้ช่วยให้เราเข้าใจคร่าวๆ ว่าสถานการณ์เร่งด่วนแค่ไหน และควรให้ความสำคัญกับการดูแลส่วนใดเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังช่วยให้เราสังเกตสัญญาณสำคัญที่อาจบ่งบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ป่วย ใช้คำถามที่เน้นด้วยตัวหนาเป็นแนวทางในการประเมินผู้ป่วยเบื้องต้น

การแนะนำตัวเอง

Talking to a seated patient

ปกติเราจะเริ่มต้นด้วยการพูดว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ ผม/ดิฉันชื่อ __________ มาจาก __________ (หน่วยรถพยาบาล ทีมปฐมพยาบาล หน่วยกู้ภัย/ดับเพลิง) วันนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ/คะ?” แม้การแนะนำตัวอาจดูแปลกหรือไม่คุ้นเคย แต่การบอกว่าคุณคือใครสำคัญมาก เพราะผู้ป่วยมักจะกลัวหรือสับสน การแนะนำตัวช่วยสร้างความมั่นใจและแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ สังเกตปฏิกิริยาท่าทางของผู้ป่วยว่าพวกเขากำลังเผชิญปัญหาอะไร และดูปฏิกิริยาของคนรอบข้างด้วย (หากผู้ป่วยบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร คุณอาจต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าคุณเจอผู้ป่วยถูกคนหรือไม่ และดูว่าอาจมีผู้ป่วยอยู่ที่อื่นหรือไม่)

การไม่รู้สึกตัว

ผู้ป่วยตอบสนองไหม? ถ้าไม่มีการตอบสนอง เราจะรีบเช็กการตอบสนองและเริ่มประเมินตามหลัก CAB (Circulation, Airway, Breathing) ให้ลองเช็กการตอบสนองทั้งทางเสียงและการสัมผัสไปพร้อมกัน โดยเรียกเสียงดังๆ ว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครับ/คุณคะ ขอโทษนะครับ/คะ!” พร้อมกับแตะหรือเขย่าที่ไหล่ของผู้ป่วย ถ้ายังไม่ตอบสนอง ให้ลองเช็กการตอบสนองต่อความเจ็บ เช่น ใช้แอมโมเนียดม วางใต้จมูก หรือบีบใต้กระดูกไหปลาร้า (ในทารกให้ลองใช้ด้ามปากกาหรือนิ้วไล้ใต้ฝ่าเท้า) ถ้าผู้ป่วยยังไม่ตอบสนองอีก ให้ถือว่าผู้ป่วยหมดสติ และสอบถามคนรอบข้างว่า “เขาดูปกติครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?”

  • C (Circulation) การไหลเวียนโลหิต - ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนอง เราจะตรวจการไหลเวียนโลหิต โดยเช็กชีพจรที่หลอดเลือดแดงคาโรติด (carotid artery) บริเวณลำคอ วิธีการคือ ใช้นิ้วสองนิ้ววางที่ร่องระหว่าง หลอดลม (trachea) และ กล้ามเนื้อด้านข้างลำคอ (sternocleidomastoid muscle) แล้วคลำหาชีพจรประมาณ 10 วินาที ถ้าไม่พบชีพจร ให้เริ่มทำ CPR (การปั๊มหัวใจ) ทันที เรื่องการทำ CPR เราอธิบายเพิ่มเติมในบทความอื่น
Young woman checking the carotid pulse
  • A (Airway) ทางเดินหายใจ – หากพบชีพจร เราจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าทางเดินหายใจเปิดอยู่โดยใช้วิธีที่เหมาะสม และดูว่ามีสิ่งกีดขวางทางเดินหายใจหรือไม่ หากพบสิ่งกีดขวาง เราจะใช้วิธีที่เหมาะสมในการพยายามเอาสิ่งกีดขวางออก เช่น การพลิกผู้ป่วยไปข้างหนึ่งเพื่อให้สิ่งกีดขวางไหลออกมา การใช้เครื่องดูด หรือการใช้มือดึงสิ่งกีดขวางออก
Rescuers Opening Airways
  • B (Breathing) การหายใจ – เมื่อทางเดินหายใจเปิดแล้ว เราจะเอาหน้าของเราห่างจากปากและจมูกของผู้ป่วยเพื่อเช็กการหายใจ โดยสังเกตการเคลื่อนไหวของหน้าอกหรือท้องที่ขึ้นและลง ฟังเสียงอากาศที่เข้าและออกจากปากและจมูก และรู้สึกถึงลมที่เป่าลงมาที่ใบหน้าของเราขณะผู้ป่วยหายใจออก เมื่อเช็กการหายใจ ให้ดูที่เส้นกลางลำตัวหรือกระดูกหน้าอกของผู้ป่วยและสังเกตการเคลื่อนไหว
Rescuer Looking for Breathing

ผู้ป่วยที่มีสติ

สำหรับผู้ป่วยที่ตอบคำถาม เราจะใช้การประเมินตามลำดับ ABCDE (Airway, Breathing, Circulation, Disability, Environment) ในการประเมินเบื้องต้น ต้องสังเกตว่า เรากำลังเช็กสิ่งเดียวกัน แต่เรียงลำดับต่างกันเล็กน้อย การเรียงลำดับให้ถูกต้องทุกครั้งไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ถ้าเรารู้สึกว่าเราลืมตรวจอะไรไป เราก็แค่กลับไปเช็กสิ่งนั้นอีกครั้ง ถ้าผู้ป่วยตอบคำถามว่า “วันนี้มีปัญหาอะไร?” แล้วผู้ป่วยตอบอย่างไร? คำตอบที่ผู้ป่วยให้เราจะเรียกว่า chief complaint ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ทิศทางในการประเมินต่อไปเหมือนกับป้ายบอกทางใหญ่ๆ ที่บอกว่าเราควรเริ่มเช็กที่ไหนก่อนในขณะเดียวกัน เราก็จะสังเกตสิ่งต่อไปนี้

  • A (Airway) ทางเดินหายใจ – ผู้ป่วยมีทางเดินหายใจไหม? อาจจะยังรู้สึกตัวอยู่ แต่ทางเดินหายใจอาจกำลังเริ่มปิดลง เราต้องฟังเสียงผู้ป่วยว่ามีเสียงหายใจแผ่วๆ หรือเสียงวี๊ดๆ หรือไม่ ซึ่งอาจบ่งบอกว่ามีปัญหากับทางเดินหายใจ
  • B (Breathing) การหายใจการหายใจเป็นยังไง? บางครั้งผู้ป่วยอาจหายใจลำบาก ต้องนั่งขึ้นหรือโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อหายใจให้ได้ อาจจะเห็นริมฝีปากเริ่มคล้ำเป็นสีฟ้า เขียว หรือม่วง
Checking Difficulty Breathing
  • C (Circulation) การไหลเวียนโลหิต“ขอเช็กชีพจรที่ข้อมือได้ไหม?” เราจะเช็กชีพจรที่ข้อมือ โดยการคลำที่จุดระหว่างกระดูกด้านในข้อมือ (radius) และเส้นเอ็นที่อยู่ด้านหน้าข้อมือ (flexor tendons) ว่าชีพจรเร็ว ช้า แข็งแรง หรืออ่อนแรง
Checking the Radial Pulse
  • D (Disability) ความผิดปกติทางสมอง – เรามักจะถามว่า “คุณอายุเท่าไหร่?” ผู้ป่วยตอบคำถามอย่างไร? ถ้าคิดว่ามีความผิดปกติทางสมอง เราจะถามเพิ่มเติม เช่น “ปกติเป็นแบบนี้หรือเปล่า?” หรือ “ดื่มแอลกอฮอล์ไปมากไหม?” หรือ “เป็นเบาหวานไหม?” หรืออาจจะตรวจดูที่ศีรษะเพื่อหาบาดแผล
  • E (Environment) – มีอะไรในบริเวณใกล้เคียงที่ทำให้ปัญหาของผู้ป่วยแย่ลงหรือทำให้ปัญหานี้เกิดขึ้นไหม? หรือสิ่งนั้นอาจจะเป็นอันตรายทั้งกับผู้ป่วยและตัวเราเอง? เช่น อาจจะมีฝนตกหนัก แดดร้อน หรือสารเคมีอันตราย หรือคนที่มีท่าทางก้าวร้าว

คำถามเหล่านี้มุ่งเน้นที่การทำงานของอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ ปอด และสมอง เราต้องการให้มีอากาศเข้าออก ร่างกายมีเลือดหมุนเวียน และสมองยังทำงานได้ ถ้าฟังก์ชันเหล่านี้เริ่มผิดปกติ เราก็มีปัญหาแล้วคำถามที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นแนวทางในการประเมินสถานการณ์ แต่ละสถานการณ์อาจแตกต่างกันและอาจต้องปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม เช่น ถ้าเราเข้าไปในที่เกิดเหตุที่ผู้ป่วยกำลังตะโกนและมีเลือดพุ่งออกมา เรารู้ว่าผู้ป่วยยังรู้สึกตัวเพราะเขาตะโกน และเรารู้ว่าเขามีทางเดินหายใจและหายใจได้เพราะเขาตะโกนออกมา เราก็จะเริ่มต้นด้วยการหยุดเลือดเป็นอันดับแรก

บทสรุป

การประเมินเบื้องต้นช่วยให้เราตรวจสอบปัญหาที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตและทำให้เราทราบทิศทางของปัญหาที่ผู้ป่วยกำลังเผชิญ จากนั้นเราสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ดีขึ้นจากการประเมินต่อไป ในกรณีที่เป็นการบาดเจ็บ เรามักจะเริ่มจากการประเมินเบื้องต้นแล้วตามด้วยการตรวจร่างกายเพื่อหาบาดแผลอื่นๆ ส่วนในกรณีที่เป็นปัญหาทางการแพทย์ เรามักจะเริ่มด้วยการรวบรวมประวัติผู้ป่วยหลังจากการประเมินเบื้องต้น ทั้งการประเมินบาดเจ็บและการประเมินทางการแพทย์จะรวมการตรวจร่างกายและการรวบรวมประวัติผู้ป่วยเหมือนกัน แต่จะทำในลำดับที่แตกต่างกัน

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประเมินผู้ป่วย โปรดคลิกที่นี่

ขอขอบคุณมูลนิธิร่มไม้ที่ทำให้บทความนี้สำเร็จลุล่วงได้ พร้อมทั้งการอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับเจ้าหน้าที่ชุมชน ขอขอบคุณคุณ กุญจ์ศิริลัญฉกร ก๋องป๊ก และ ดร. ฮันนี่ ที่ช่วยแปลบทความนี้ และขอขอบคุณดร. เคย์ (ดร. จอว โซ เนียง) ที่ให้คำแนะนำทางการแพทย์ บริการการแพทย์ฉุกเฉินเป็นความพยายามร่วมกันของทีมงาน

อ้างอิง

McEvoy, D., Moore, G., and Blelcher, J. (2555 B.E.). Wilderness Medicine 12th Edition. Missoula, MT: Aerie Backcountry Medicine.

McNamara, E. C. (2563 B.E.). Outdoor Emergency Care: A Patroller’s Guide to Medical Care (6th Edition). Burlington, MA: Jones and Bartlett Learning.

Popular posts from this blog

Patient History

Hear Rate