ประเมินสถานการณ์ Scene Size-Up

การประเมินสถานการณ์ (Scene Size-Up)

สำหรับใช้ในงานปฐมพยาบาลและระบบการแพทย์ฉุกเฉิน

For English click here မြန်မာဘာသာစကားအတွက် ဤနေရာကိုနှိပ်ပါ။

เมื่อเราเข้าถึงที่เกิดเหตุฉุกเฉินจากภายนอก สิ่งแรกที่เราต้องตอบคือ ใครหรืออะไรเกี่ยวข้อง ที่ไหนที่ดูผิดปกติ เราวางแผนจะทำอะไร และเราต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมอะไรบ้าง ถึงแม้บทความนี้จะเน้นเรื่องสถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์หรือการปฐมพยาบาล แต่หลักการพื้นฐานของการประเมินสถานการณ์ก็สามารถใช้ได้กับเหตุฉุกเฉินทุกประเภท การประเมินสถานการณ์ (Scene Size-Up) คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ซึ่งกำหนดทิศทางของเหตุการณ์ต่อไป แม้ว่าก่อนที่เราจะมาถึงที่เกิดเหตุ อาจมีความวุ่นวายหรือความฉุกเฉินที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวคนเดียว แต่การประเมินสถานการณ์อย่างเหมาะสมก็สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในวันแย่ๆ ให้เริ่มคลี่คลายลงได้

ความตระหนักรู้ในสถานการณ์ (Situational Awareness)

Figure of a Person Being Aware

เวลาเราเข้าไปในที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ เราต้องระวังสิ่งรอบตัวตลอดเวลา ควรเดินเข้าไป ไม่ต้องวิ่ง เพื่อที่เราจะได้สังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวและฟังว่าคนอื่นพูดอะไรกันบ้าง เรื่องความปลอดภัยของที่เกิดเหตุ เราพูดถึงในอีกบทความหนึ่ง ซึ่งเริ่มจากการถามตัวเองง่ายๆ ว่า ' อันตรายคืออะไร '

สถานที่ (Location)

location icon

ถ้าเราได้รับแจ้งให้ไปที่เกิดเหตุ เราต้องรู้ก่อนว่าจะไปที่ไหน อย่ารีบวิ่งเลยจุดที่ควรไป ถ้าต้องขอความช่วยเหลือเพิ่ม เราต้องบอกตำแหน่งของเราชัดๆ เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าจะมาหาเราที่ไหน

อธิบายสถานการณ์ (Situation)

เราสามารถแบ่งสถานการณ์ออกเป็น 2 ส่วน คือ ใครมีปัญหา (หรืออะไรมีปัญหา) กับอะไรที่ดูไม่ปกติ ซึ่งเราต้องคิดถึงทั้งสองอย่างพร้อมกัน เช่น ถ้ามีคนบอกว่า “มีเด็กผู้ชาย 2 คน เลือดออกอยู่ตรงนั้น” เราก็จะพอรู้แล้วว่ามีใครเกี่ยวข้องและเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ใครมีปัญหา (หรืออะไรมีปัญหา)

ใครคือผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ ? ตอนที่เราเดินเข้าไป เราต้องมองภาพรวมของเหตุการณ์ แต่ก็ต้องพยายามดูว่าใครดูเหมือนจะเป็นคนเจ็บ

  • ถ้ามีหลายคนเจ็บ มีทั้งหมดกี่คน?
  • แค่ดูจากภายนอก เราพอเดาอะไรได้บ้าง?
  • เขายังรู้สึกตัวอยู่ไหม? กำลังมองไปรอบๆ หรือว่านอนอยู่บนพื้น?
  • เขาดูอายุประมาณเท่าไหร่?
  • อาการดูหนักแค่ไหน?

คำถามสุดท้าย เราอยากประเมินว่าอาการดูเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือแค่เรื่องทั่วไปที่จัดการได้ง่ายๆ สบายหรือไม่สบาย (sick or not sick).

อะไรผิดปกติ

เราจะใช้คำว่าอะไรก็ได้ เช่น “การบาดเจ็บ” (MOI / Mechanism of Injury) หรือ “อาการเจ็บป่วย” (NOI / Nature of Illness) แต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องรีบสังเกตว่าอะไรที่มันดูผิดปกติ เช่น

  • แขนไม่ควรงอแบบนั้น
  • รถไม่ควรพลิกคว่ำอยู่ในคูน้ำ
  • หรือเลือดออกจากหัวเยอะขนาดนั้น

แม้ว่าอาการเจ็บป่วยทางการแพทย์อาจ แต่การสังเกตสิ่งต่างๆ ตอนเดินเข้าไปช่วยให้เรารู้ได้เร็วขึ้น เช่น

  • อ้วกอยู่บนพื้น
  • กลิ่นแก๊ส
  • ยากองอยู่บนโต๊ะ
  • หรือคนไข้นั่งหายใจลำบาก (นั่งชันเข่า)

บ่อยครั้งที่คนไข้จะจับที่จุดที่เจ็บ ซึ่งจะช่วยให้เรารู้เลยว่าควรไปสนใจที่ส่วนไหนของร่างกาย

แผนคืออะไร (Plan)

ก่อนที่จะเข้าไปและตกอยู่ในความวุ่นวาย เราควรถามตัวเองว่า “เราควรเริ่มช่วยจากตรงไหน?” ส่วนใหญ่เราจะเริ่มจากการประเมินคนไข้เพิ่มเติม แต่บางครั้งเราอาจต้องทำอย่างอื่นก่อนที่จะเริ่มประเมินคนไข้ เช่น ความปลอดภัยของที่เกิดเหตุอาจจะมีอันตรายที่ต้องจัดการก่อน เช่น

  • ช่วยดึงคนไข้ออกจากไฟ
  • เอาคนจมน้ำออกจากน้ำ
  • กันรถไม่ให้ชนคนไข้

เราควรวางแผนเบื้องต้นที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสิ่งที่เราเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

การสนับสนุนทรัพยากร (Additional Resources)

ผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินต้องใช้การทำงานเป็นทีมส่วนสำคัญของการประเมินสถานการณ์คือการจัดการทรัพยากรให้ไปอยู่ในที่ที่ช่วยได้มากที่สุด ข้อความต่อไปนี้จะบอกว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ควรใช้ทรัพยากรแบบไหน:

  • ไฟไหม้บ้าน = หน่วยดับเพลิง
  • ผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ในอุบัติเหตุทางรถยนต์ = รถอุปกรณ์ตัดถ่าง
  • รถบรรทุกรั่วไหลของสารเคมีพิษ = ทีมด้านเทคนิควัสดุอันตราย
  • ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น = รถพยาบาลพร้อมเครื่องช่วยชีวิตขั้นสูง (ALS / Advanced Life Support)
  • ผู้ป่วยหลายราย = รถพยาบาลเพิ่มเติม โดยปกติคือรถพยาบาล 1 คันต่อผู้ป่วย 2 คน
  • ภัยพิบัติสาธารณะ = องค์กรระบบบัญชาการเหตุการณ์
รถพยาบาล ALS โรงพยาบาลแม่สอดราม รถดับเพลิงบันไดเทศบาลแม่สอด

การทราบว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้าง ในพื้นที่ของเรา นั้นสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เรารู้ว่าจะขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง และควรบอกเตือนผู้ที่มาช่วยในเหตุฉุกเฉินถึงอันตรายที่พวกเขาต้องระวังตอนมาที่เกิดเหตุด้วย

บทสรุป

เวลาเจอเหตุฉุกเฉินหรือช่วยปฐมพยาบาล เราต้องสังเกตสถานการณ์รอบตัวแล้วตอบคำถามง่ายๆ พวกนี้:

  • มีอะไรที่เสี่ยงบ้าง?
  • ใครหรืออะไรเกี่ยวข้อง?
  • มีอะไรที่ดูแปลกไป?
  • เราจะเริ่มทำอะไร?
  • ต้องขอความช่วยเหลือเพิ่มจากใคร?

เราต้องการช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนและเจ็บปวด แต่ก่อนจะด่วนสรุป เราต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนว่าจะต้องช่วยยังไงและเริ่มดูแลคนอื่นยังไงดี

ขอขอบคุณมูลนิธิร่มไม้ที่ทำให้บทความนี้เกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งการอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับนักสังคมสงเคราะห์ ขอบคุณ Christine Lustik สำหรับการแก้ไขข้อเขียนของผม ขอบคุณ คุณ กุญจ์ศิริลัญฉกร ก๋องป๊ก สำหรับการช่วยแปลเป็นภาษาไทย ขอบคุณ Dr. Honey สำหรับการช่วยแปลภาษาพม่า ขอบคุณ คุณหมอเค (Dr. Kyaw Soe Naing) สำหรับการให้คำแนะนำทางการแพทย์ และขอบคุณ คุณ เชาวน์วรรชย์ ทัศนียานนท์ สำหรับรูปภาพ

กดที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมของการประเมินผู้ป่วยฉุกเฉิน


อ้างอิง

Limmer, D., O'Keefe, M., Grant, H., Murray, R. H., Bergeron, J. D., and Dickinson, E. T. (2004). Emergency Care 10th Edition. Saddle River, NJ: Pearson Prentice Hall.

McEvoy, D., Moore, G., and Blelcher, J. (2012). Wilderness Medicine 12th Edition. Missoula, MT: Aerie Backcountry Medicine.

Popular posts from this blog

Patient History

Hear Rate

การประเมินเบื้องต้น Initial Assessment